คิดว่าหลายคนก็คงรู้อยู่แล้วว่าเวลาที่เราคิดจะที่จะสร้างโปรดักส์ สร้างแบรนด์ที่เป็นตัวเองขึ้นมาซักอย่าง เราก็ต้องสร้างอัตลักษณ์ให้กับมัน ก็ต้องมีโลโก้ มีสีที่เฉพาะตัว หรืออะไรก็ตามที่เราชอบ มันจึงไม่ยากเย็นเลยในการที่จะสร้าง Branding หรืออัตลักษณ์แบรนด์ขึ้นมา แค่กูเกิลหาตัวอย่าง Brand Identity จากบริษัทใหญ่ๆ ดูว่าเขามีส่วนประกอบอะไรบ้าง Logo, Font, Color, Pattern, etc.. (พวกนี้จะเรียกว่า Corporate Identity)เราก็ทำตามให้มันครบๆไป หรือไม่ก็ไปหา Tutorial วิธีทำเอาก็ได้ จบ ง่าย ชิว เราก็จะได้ก้อน Brand Identity มาหนึ่งอันแล้วก็เอามาใช้กันในบริษัท ซึ่งไม่ได้บอกว่ามันไม่ดีหรือทำผิด แต่ลืมอะไรไปหรือเปล่า เราพยายามถามหา How ว่าวิธีการทำมันเป็นยังไง แต่อาจจะลืมศึกษา Why ไปด้วยว่า ทำไมเราถึงต้องมีมัน? เลยเป็นคำถามต่ออีกว่า “ทำไมเราถึงต้องใส่ใจกับมัน?”
A brand is the personality of a business, and it should guide a company’s every action.
Brand ไม่ได้เป็นแค่สิ่งที่คนมาประทับใจในบริษัทของคุณหรือโปรดักส์ของคุณเพียงอย่างเดียว มันยังเป็นตัวตนของคุณ ซึ่งถูกถ่ายทอดออกมาผ่านทุกๆสิ่งที่บริษัทคุณทำ มันไม่สำคัญว่าแบรนด์คุณเล็กหรือใหญ่ แบรนด์ที่ดีไม่ใช่แค่ให้คนจำได้ว่าคุณคือใคร แบรนด์ที่ดีจะสื่อสารแก่นที่เป็นตัวตน(Essence) และคุณค่า(Values) ของคุณออกมาด้วย 🍑
Good branding is:
- ความน่าเชื่อถือ (Trustworthy) ทำให้ลูกค้ารู้สึกวางใจและมั่นใจว่าเขาเลือกแบรนด์ถูกแล้ว แต่เราต้องรู้ว่ากลุ่มผู้ใช้ของเราคือใคร ใช่ Persona ของกลุ่มเป้าหมายเราหรือเปล่า หาให้เจอว่าอะไรที่ทำให้พวกเขารู้สึกมั่นใจกับแบรนด์คุณที่สุด
- ความน่าจดจำ (Memorable) สิ่งที่จะทำให้เราจดจำความรู้สึกได้ว่าเมื่อเราใช้แบรนด์นี้แล้วแล้วรู้สึกอย่างไร นำความรู้สึกของแบรนด์ออกมาผ่านสิ่งที่จะทำให้ลูกค้าสัมผัสได้ อย่างเช่นเว็บไซต์ สินค้าหรือการบริการ เช่นถ้านึกถึง Apple เราก็จะนึกถึงความเรียบง่าย (Simplicity) เวลาที่เราใช้สินค้าของ Apple เราก็จะรู้สึกถึงความ Simplicity เช่นกัน นี่แหละคือ Memorable
- ความยืดหยุน (Flexible) การรู้จักปรับตัว ติดตามกระแสสังคมโลกหรือพฤติกรรมลูกค้าตลอดเวลา ปรับให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่จะส่งผลต่อแบรนด์อย่าไปยึดติด
Your corporate culture is your brand’s foundation.
เพราะแบรนด์ไม่ได้มีแค่การโฆษณาและการตลาด ถ้าคุณสร้างความสัมพันธ์ระหว่าง วัฒนธรรมองค์กร(Corporate culture) + คุณค่าของแบรนด์ที่ส่งออกไป(Values) + การจัดการบริหารองค์กรของคุณ(Organization) = จะช่วยให้องค์กรของคุณพัฒนาไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งประหยัดทั้งเวลาและเงิน เสมือนว่าเป็นไกด์นำทางขององค์กรได้เลย นอกจากนั้น Branding ที่ดียังทำให้ Stakeholder รวมถึงนักลงทุนได้เห็นความสำคัญของแบรนด์เราอีกทางนึงด้วย
Key ของความสำเร็จในการสร้างแบรนด์ คือ ความรู้สึก(Emotions) ไม่ใช่โปรดักส์ซะทีเดียว มันเกี่ยวกับว่าเราจะสามารถเชื่อมตัวตนของแบรนด์เราเข้ากับลูกค้าได้ยังไง ตัวอย่างเช่น รองเท้า Converse ที่ทำให้คุณรู้สึกถึง พลังแห่งวัยรุ่น คลูๆ เซอร์ๆ ที่พร้อมจะออกไปลุยแบบบ้าบิ่นกับเพื่อนฝูง …สิ่งที่ Converse ทำก็คือแสดงคุณค่าเฉพาะตัวและเล่า story ของแบรนด์ออกมา แล้วหาวิธีสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่มากที่สุด เพราะส่วนใหญ่ของการตัดสินใจซื้อของ เรามักจะตัดสินจากความรู้สึกที่เรามีต่อของสิ่งนั้นๆเป็นทุนเดิม …เพราะงี้การสื่อสาร Emotions ของแบรนด์ถึงสำคัญ
Great brands build an emotional connection with the customer.
นอกจากนั้น นี่ยังเป็นสิ่งที่จะทำให้คุณแตกต่างจากคู่แข่งรายอื่นๆ อย่าลืมว่าคนมีความสัมพันธ์กับตัวสินค้าหรือโปรดักส์ส่วนนึง แต่ถ้าคนเขาจะรักหรือชอบ เขาจะชอบที่ตัวแบรนด์ เพราะการจดจำสำคัญที่สุด รากที่แข็งแรงของแบรนด์จะช่วยให้ลูกค้ารู้ว่าเขาจะได้อะไรจากคุณ เขาคาดหวังอะไรกับคุณได้นั้นแปลว่าเขามั่นใจที่จะวางใจให้คุณดูแลเขา ซึ่งถ้าตัวตนของคุณยังไม่เคลีย ตัวเองยังไม่แน่ใจเลยว่าเราจะเป็นแบรนด์แบบไหน ก็จะไม่มีลูกค้าคนไหนเข้าใจในสิ่งที่คุณจะมอบให้กับเขาแน่นอน ตรงนี้จะเป็นส่วนที่ทำให้คนไม่มาติดแจกับแบรนด์หรือโปรดักส์ของคุณได้เลย (Customer Retention 🙋) แบรนด์ที่โหดๆส่วนใหญ่เข้าใจว่าลูกค้าไม่ได้มาใช้ของๆคุณแค่เรื่องราคาหรือคุณภาพ แต่มันคือ
ความรู้สึก(Emotions) + ตัวตน(Essences) + คุณค่าที่แบรนด์ให้ออกไป(Values) + การใส่ใจในความรู้สึก(Empathy)
ยกตัวอย่างง่ายๆ: ทำไมคนถึงเข้า Starbucks บ่อยไม่ใช่แค่เฉพาะช่วงเช้าๆเปิดวันสำหรับร้านกาแฟเท่านั้นล่ะ? เพราะมันคือการถ่ายทอด Experience หรือประสบการณ์ที่ร้าน Starbucks มอบให้ลูกค้าของเขาผ่าน Branding นั้นเอง ตั้งแต่ดนตรีที่เปิด บรรยากาศร้าน เฟอร์นิเจอร์ที่ตกแต่ง รวมไปถึงพนักงานที่ไม่หน้าเป็นตูด เพราะคุณได้รับความรู้สึก, ภาพลักษณ์, คุณค่าที่แบรนด์ให้กับคุณ และให้คุณแบบที่เขา (Starbucks) เข้าใจความรู้สึกคุณจริงๆ
Tip: ในหนังสือ What Great Brands Do เขียนโดย Denise Lee Yohn แนะนำว่า ถ้าคุณอยากรู้ว่าลูกค้าคิดยังไงกับแบรนด์ของคุณ ลอง Research ด้วยคำถามประมาณว่า “คุณรู้สึกยังไงเวลาใช้โปรดักส์เรา หรือ อะไรที่ทำให้คุณมั่นใจว่าคุณจะซื้อหรือใช้โปรดักส์เรา” จะช่วยให้คุณได้ Insight ของลูกค้าคุณมา
สุดท้ายแล้ว Brand Identity เป็นสิ่งที่สำคัญมาก อย่าลืมสนใจความรู้สึก(Emotions) ให้มากพอๆกับที่คุณสนใจเรื่อง Business โปรดักส์ที่โหดย่อมต้องมาพร้อมกับ Brand Identity ที่แข็งแรงที่ปล่อยพลังงานความรู้สึกของแก่นที่เป็นตัวตนออกมา ในแต่ละด้านตั้งแต่
ความรู้สึก(Emotions), ตัวตน(Essences), คุณค่าที่แบรนด์ให้ออกไป(Values) และขาดอีกอย่างไปไม่ได้เลยในการที่จะมอบ 3 สิ่งให้กับลูกค้าของคุณคือ การใส่ใจในความรู้สึก(Empathy) เข้าใจว่าลูกค้ารู้สึกแบบไหนในทุกๆการกระทำของคุณ เรียกง่ายๆว่าใจเขาใจเรา …แต่การที่จะมี Brand Identity ที่แข็งแรง ไม่ได้มาจากการแค่ไป Search ตัวอย่างมาดูแล้วนั่งงัดกับมันเลย ซึ่งอย่างที่บอก มันไม่ได้ผิด แต่แค่สิ่งที่แตกต่างกันของคำถาม “เราควรจะมี Brand Identity ไปเพื่ออะไร?” คำตอบนั้นก็คือ “ความตั้งใจ” ความตั้งใจและความอิน ที่จะทำให้คุณมีทุ่มเทและใส่ใจ ในการสร้างสรรค์ Brand Identity ออกมาได้ดีกว่าเดิม ดีกว่าที่ควรจะเป็น เพื่อที่เราจะได้ส่ง Experience ให้กับลูกค้าผ่านทิศทางของตัวแบรนด์ได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพ
ซึ่งหลายคนพอรู้ว่าจะต้องทำ Branding ก็แค่รู้เฉยๆ แต่อาจจะไม่ได้ใส่ใจในการทำขนาดนั้นมันทำให้เรามองข้ามบางอย่างที่สำคัญไปโดยไม่รู้ตัว สู้ถ้าเรารู้ความสำคัญของมันตั้งแต่ครั้งแรก เราก็จะทำให้มันดีไปเลย ไม่ต้องไปนั่งดูนั่งบ่นแล้วก็ต้องมาปรับหลายๆรอบเปลี่ยนนู้นทีนั้นที(อย่าเป็นเหมือนผม 😔) นอกจากจะเสียเวลาที่มาปรับแก้และปรับใช้แล้ว คนก็จะจำเราไม่ได้ ซึ่งอันนี้ส่งผลต่อการตัดสินใจของคนที่จะมาใช้โปรดักส์ แถมภาพลักษณ์ของแบรนด์ยังดู Noob อีกด้วย
…เพราะการจดจำสำคัญที่สุด 🌳🌳🌳
อ่านอะไรต่อดี 🙈
6 reasons why startups should focus on their brand right now
Sales Vs. Branding
The top 10 reasons people unfollow and unlike brands
Branding for Builders
หรือ อ่านบทความอื่นๆเกี่ยวกับการออกแบบอื่นๆได้ ที่นี่