สรุป UX Meetup : เมื่อคนทำ UX ต้องย้อนดู Journey ตัวเอง

ux meetup journey of ux designer


https://www.eventpop.me/e/1298
22 December 2016 at 18:00–21:00
at TARAD Dot Com (ตลาด ดอท คอม) Huai Khwang Bangkok Thailand

เกริ่น
เป็นงานที่บัตรหมดโคตรจะไว เปิดจองตอน 6.00pm, 6.04 มาแม่งขึ้น Sold out ละ
แน่นอน ผมกดไม่ทัน แต่ๆๆ ต้องขอบคุณคุณ Suphalerk Suksaprot มากมายที่ปล่อยบัตรมาให้ผมเพราะเขาไม่ว่างไป ขอบคุณอีกทีนะครับ : )
วันนี้ไม่ได้มาเขียนเพราะเล่าบรรยากาศอะไร แค่เขียนสรุปจากที่จดก็เมื่อยละ ถือว่าเป็นงานที่ควรค่าแก่การจัดต่อไปเรื่อยๆเลยฮะ ทั้งคนที่มาและวิทยากรแลกเปลี่ยน ไอเดียกันอย่างเมามัน!

เอาล่ะ

ux meetup

สรุป UX Meetup

  • ลองใช้วิธี Card Sorting ในการทำ Research คือการแบข้อมูลทั้งหมดที่มี(อาจจะเป็นข้อมูลบนเว็บเรา) แล้วทำออกมาเป็น Card แล้วให้ user หยิบสิ่งที่ตัวเองอยากจะรู้มากที่สุดออกมา(สิ่งข้อมูลที่อยากได้จากเว็บ)
  • ศึกษาเพิ่มเติม keyword “UX Methodology”
  • หัวใจของ การออกแบบ คือการหาปัญหา “จริงๆ” ให้เจอ
  • scope ของคนทำ UX Design คือทำยังไงก้ได้ให้ user รุ้สึกอย่างที่เราต้องการ เช่นถ้าทำหนังผี มันก็ต้องให้ user รู้สึกน่ากลัวตั้งแต่แรก เช่น Poster รูปโปรโมต หรือถ้าเป็นไปได้ก็น่ากลัวยันคนขายตั๋วเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ตามที่เราต้องการ
  • Omnigraffle VS Sketch สำหรับการใช้วาด Wireframe
  • อย่าเพิ่งลงไปที่ความสวยงาม ให้ใช้เวลาไปกับการศึกษา User ก่อน ศึกษาความต้องการที่แน่นอน ไม่งั้นจะมีโอกาสเฟลได้ เพราะ ไม่ใช่ user ทุกคนที่จะชอบรูปแบบความสวยงามในแบบของเราบางทีอาจจะต้องให้เวลาในการศึกษา user มากหน่อยด้วยซ้ำ
  • ทำ Persona & User journey ก่อนจะช่วยลดเวลาในการ Design และการคิด Flow ต่อได้มาก (มาช่วยกันสุ่มหัวมโน ทำตัวเป็นผู้ใช้จริงๆด้วย)
  • ดูจาก Analytics ว่า User มีพฤติกรรมการใช้งานแบบไหน เพื่อนำมาวิเคราะห์ต่อจะช่วยได้มาก
  • ต้องหลุดจาก Style ในการออกแบบ ในการ Design ของตัวเองเพื่อเข้าถึงลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
  • เทสซะ! เพราะยังไงก็ต้องถาม User ที่ใช้งานจริงๆ เราไม่สามารถคาดเดาหรือรู้ถึงใจ User จริงๆได้เลยสิ่งที่เราคิดว่าน่าจะใช่ พอเอาจริงๆแล้วเจ๊ง
  • Designer ต้องตั้งคำถามให้เก่ง เพราะลูกค้าแทบจะไม่พูดความจริงเลย ไม่ใช่ว่าเขาปิดบังแต่แค่เขาไม่รู้ว่าจะเรียบเรียงออกมาเป้นคำพูดได้ยังไง(ความต้องการลึกๆ) ex. ลูกค้าบอกว่าอยากให้คนเข้าเว็บเยอะๆจากหน้านี้แต่ความจริงแล้ว ลูกค้าแค่อยากจะปิดดีลสินค้าให้ได้เฉยๆ หรือบอกว่าอยากให้เว็บสวย ซึ่งความจริงก็คืออยากจะขายได้
  • UX คือนามอธรรม มันมักจะไม่ค่อยออกมาเป็นสิ่งที่จับต้องได้ เมื่อมี Idea ถ้าเป็นมีสกิล Design ด้วยจะดีมากเพราะเราจะสามารถสร้าง Idea นั้นๆออกมาเป็นรูปธรรมได้
  • เวลา Test อย่าให้ User เห็นเฉลยก่อนที่เราจะถามคำถาม, อย่าตั้งคำถามที่อ้างอิงกับอะไรซักอย่างให้ตั้งแบบ blankๆ ไปก่อน ex. ถ้าสมมติเราบอกว่า “ผมกำลังจะสร้างโปรดักส์คล้ายๆ youtube ….”user จะนึกถึงภาพของ youtube ล่วงหน้าไปแล้ว คำตอบที่ได้มามันจะเป็นของ youtube แทบทั้งนั้น ซึ่งคำตอบมันจะไม่ใช่ของเรา (อ่านเพิ่มเรื่อง Usability Test ได้ ที่นี่เลย)
  • “เอางบ Markerting ไปลงเพิ่มให้กับ UX ผลออกมาดัน Success กว่าเดิม”
  • ปัญหาของ UX Designer คือคนทั่วไปไม่รู้ว่า UX ทำแล้วได้อะไร เพราะความเป็นนามอธรรมเขาเลยไม่รู้ว่าทำแล้วได้อะไร
  • ปรับ Mindset ให้กับคนในทีมเพื่อให้ทำงานกันได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพมากขึ้น
  • ต้องมีการไกด์คนในทีมด้วย UX เพื่อให้เริ่มเดินในหน้าที่ตัวเองให้ถูกทาง ต้องให้ใจร่มๆจะได้ลดความเสี่ยงในการเหนื่อยฟรีเพราะการทำไปล่วงหน้าแล้วต้องมาปรับทีหลังเนี่ยแหละ (เช่นกรณีทาง Bussiness เร่งมากๆ)
  • UI UX คือ “คุณต้องเข้าใจ Experience ของ Element แต่ละส่วนใน UI ที่คุณทำมา”
    ศึกษา Guideline, Trend, Best practice, โปรดักส์ชาวบ้าน(ที่ดีๆ)
  • กรณีลูกค้าหัวดื้อ เราสามารถทำ Design คร่าวๆให้ลูกค้าดูแล้วบอกถึงเหตุผลว่าทำไมมันถึงไม่ดี และวิธีที่ดีกว่ามันเป็นแบบไหน *ต้องใช้เหตุและผล* เหมือนปิดห้องขังแล้วต้องเปิดหน้าต่าง(ของเรา)ไว้ให้หนีด้วยอย่าทำให้เขาขายหน้าหรือบอกว่ามึงมันโง่ ใช้เหตุและผลกับทุกฝ่ายเพื่อเปรียบเทียบข้อดีและเสีย หรือไม่ก็พัฒนา Prototype ให้เขาลองใช้เลยให้ลองทั้งแบบดีและแย่จะได้ดูว่ามันต่างกันอย่างไรแบบชัดเจน
  • ต้องมีรางวัลมาล่อใจเวลาอยากให้ User ทำอะไร ex. pinterest ถ้าคุณอยากเห็นข้อมูลมากขึ้นก็สมัครซิๆๆ เพราะถ้าคุณสมัครคุณจะได้ดูเนื้อหาแบบจุใจเลย
  • ใน Analytics ดูว่า User ทำจบ Flow ที่เราคิดไว้ไหม เริ่มจาก flow พื้นฐานก่อน แล้วจึงค่อยๆเพิ่มฟีเจอร์ขึ้นไป
  • Mindset ต่อโปรดักส์มีผลมากๆ ex. ระบบเกี่ยวกับการ payment แห่งหนึ่งทำระบบออก มีการทำงานที่ไวมากกดปึ๊บๆๆแต่ละ step เสร็จอย่างรวดเร็ว แต่! user กลับตกใจว่า”เฮ้ย! มึงเสร็จแล้วหรอ” ทำให้ user ไม่ค่อยเชื่อใจระบบ
    …สุดท้ายโปรดักส์นี้ต้องเอามาแก้ คือหน่วงเวลาหลอกๆ ทำตัว loading หมุนๆเพื่อหลอกว่ามันกำลังทำงานนะ กำลังตรวจสอบข้อมูลอยู่ (แม้ระบบจริงๆจะเสร็จไปนานแล้วก็ตาม) เพื่อให้ user เห็นว่ามัน’ทำงาน’ จริงๆ
  • ระบบ Confirm by email มักใช้ไม่ค่อยได้ผลกับที่ไทย เพราะคนไทยไม่ค่อยใส่ใจกับ email ฉะนั้นระบบ OTP จึงได้ผลกว่า เพราะ OTP มันบอกขั้นตอนต่อไปแบบทันที ทำให้คนรู้ว่าจะต้อทำอะไรต่อแบบต่อเนื่อง
    — อยู่ที่หน้าเว็บ → กดตกลงเพื่อรับ OTP ยืนยันจากมือถือ (รหัสเด้งเข้ามาทันที) → กรอกยืนยันเดี๋ยวนั้นเลย จบ
  • ไม่ควรตั้งคำถามเพื่อหาคำตอบแบบตรงๆ ให้ลองตั้งแบบ “เมื่อวานไปกินอะไรมา” แล้วรอปฏิกิริยาว่าคนตอบอินไหม แล้วเขาจะแอบบอกคำตอบสิ่งที่เขาชอบหรืออยากกินจริงๆออกมา
  • การตั้งคำถามเก่งจะได้คำตอบที่ดีกว่า ส่วน Designer ถ้าตั้งคำถามผิดจะไม่ได้อะไรเลย ตั้งหัดตั้งคำถามให้เป็น,ให้ถูกต้องและ ให้ไว ถ้าทำได้ให้ล้านนึง
  • เวลาเทสอย่าเพิ่งให้เห็นตัวโปรดักส์จริง ให้บอกแค่โปรดักส์คืออะไรก็พอ แล้วลองถามว่า user ที่ถูกเทสต่อว่าคิดว่า flow การทำงานมันควรจะเป็นอย่างไร (ถ้าให้ทำอะไรซักอย่างบนโปรดักส์ของเรา) ให้เอา mental ของ user ออกมาเป็นรูปธรรม *อย่าเฉลยก่อนตั้งคำถาม อย่างถ้าเราบอกว่าโปรดักส์เรายิ่งใหญ่ user ก็จะคิดในหัวกับโปรดักส์ของเราแบบเว่อร์วังอลังการณ์ไปแล้ว
  • อย่าไปคิดแทน user แบบว่า “ผมทำมาเยอะผมรู้ว่า user คิดอะไรต้องการอะไร” ส่วนมากจะ bullshit รัวๆ
  • พัฒนาการของ Mental model นั้นสำคัญ
    ex. ปุ่ม button สมัยนู้นต้องมีความนู้นออกมาเหมือนจิ้มได้จริงๆ เพื่อให้คนได้คุ้นชินกับโลกของความจริง ณ ตอนนั้นก่อนแต่เดี๋ยวนี้ไม่จำเป็นแล้วเพราะคนรู้แล้วว่าอะไรควรกดได้กดไม่ได้
UX Game - SQUIGGLE BIRDS
  • เกมส์ SQUIGGLE BIRDS (อ่านว่า สควิกเกอร์ เบิร์ด) ให้วาดรูปมั่วๆออกมาแล้วให้คนข้างๆเติมได้แค่ปาก ขา หาง ตา ให้ออกมาเป็นนกให้ได้
  • จากเกมสควิกเกอร์ไรนั้น สรุปคือ ถ้าในหัวเราคิดแล้วว่ามันจะต้องเป็นรูปอะไร เราก็จะมองรุปที่ออกมาคล้ายก็ที่เราคิดสมองเราจะถูกปรุงแต่งให้มันกลายเป็นรูปนกจนได้ด้วยส่วนที่เราเติมเต็มเข้าไป หรือถ้าให้แปลอีกทีก็คือหาให้เจอว่าปาก ขา หาง ตา ในสิ่งที่เราจะทำคืออะไร สิ่งนั้นคือหัวใจสำคัญที่ user จะเข้าใจได้ดีและรู้ว่ามันคืออะไรหลังจากนั้นเราก็จะสามารถ Creative ส่วนที่เหลือได้อย่างเต็มที่
UX Meetup
  • กรณีของแอพ Kickstarter นั้น redesign ใหม่ปรับให้เห็นตัวโครงการใน Kickstarter เด่นชัดขึ้นมา เพราะว่าตัวเขาเองมองเห็นว่า พระเอกของ Kickstarter เนี่ยคือโครงการที่มาระดมทุน ก็เลยคิดประมาณว่า “user เอ๋ยอย่าเสียเวลามาเรียนรู้ Ui ล้ำๆจากแอพเราใหม่เลย ลงไปโฟกัสที่โครงการที่กูมีเถอะ โฟกัสแล้วก็สนับสนุนกันด้วยนะๆ ช่วยกันหน่อยนะ”
  • ให้ลอง Define ความ Fuckup ของ Bad Experience ออกมาแบบ Good Experience ก่อน
    ขั้นต่อไปค่อย Good to Better จะเหนื่อยน้อยกว่า
  • เดี๋ยวนี้แอพที่มี Tutorial วิธีใช้งานที่เป็น stepๆ ขึ้นในหน้าแรกตอนเปิดใช้แอพใหม่ วิธีนี้กำลังจะหายไปแล้วเพราะเขารู้ว่ายังไงซะคนแม่งก็ขี้เกียจอ่านขี้เกียจเรียนยิ่งเยอะๆก็ปัดๆๆๆทิ้งหมด สุดท้ายไม่ได้อ่านตอนนี้ก็เลยปรับมาเป็น ตอนที่ user ไปที่หน้านั้นๆแล้ว Tutorial ในส่วนของหน้านั้นๆ(หรือเครื่องมือในหน้านั้นๆ) ก็ค่อยขึ้นมาไกด์ Tutorial ให้เอง ไม่ต้องไปสอนก่อนสอนมันต่อหน้านี่แหละ
  • ถ้าอยากจะ Monitor การเปลี่ยนแปลงของ Material Design ให้ลองไปดูแอพ Youtube, Google Map, Google+
  • นักออกแบบ ควรรู้จักปัญหาเยอะๆ รู้จัก user ทำความเข้าใจให้มากๆ หัดตั้งคำถามกับหลายๆอย่างและลองทำความเข้าใจดู
  • ถ้าจะสร้างโปรดักส์ใหม่ให้อิง Guideline ไปก่อน เพื่อให้ user ได้เข้าถึงง่ายๆก่อนจะได้มีคนใช้ ใน step ต่อไปก็ทำให้ง่ายยิ่งขึ้นไปอีกและลองทดลอง design ก้าวข้าม Guideline ดู
  • คนที่ควรเป็น UX คือทุกคน เพราะแต่ละคนสามารถเข้าใจปัญหาในแต่ละอย่างและช่วยกันแก้ไขได้

ปล1. ขอบคุณผู้มีส่วนร่วมในการจัดงานด้วยนะครับทั้งสปอนเซอร์ ทีมงาน รวมถึง UX Connext พิธีกร วิทยากรทั้งสองท่าน และคนถามคำถาม ทำให้ได้รับความรู้เยอะขึ้นจริงๆ

ปล2. งานนี้น่าจะมีเบียร์ด้วยนะ~

Posted by
Chanala Wilangka

กำลังพยายามเป็นนักออกแบบ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *